วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

หนาวนี้ เที่ยว ภูทับเบิก

 สายลมเย็น ๆ พัดเอื่อย ๆ ชวนให้นึกถึงภาพบรรยากาศทิวเขาสูงซับซ้อน ทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตา แหม ๆ ๆ ว่าแล้วเราก็นำพาตัวเองไปสัมผัสความรื่นรมย์ที่ว่ากันดีกว่า และ สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่จะไป ท่องเที่ยว ก็คือ "ภูทับเบิก" จังหวัดเพชรบูรณ์ นั่นแน่! อยากไปเที่ยวแล้วใช่มั้ย ตามเข้ามาเลยค่ะ...


ภูทับเบิก เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ ตั้งอยู่ที่บ้านทับเบิก ตำบลวังบาล ห่างจากอำเภอหล่มเก่า 40 กิโลเมตร ตามเส้นทางจากหล่มเก่าไปภูหินร่องกล้า หรือห่างจากตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 90 กิโลเมตร ภูทับเบิก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร เป็นจุดที่สูงที่สุดของเพชรบูรณ์ มีสภาพภูมิประเทศที่สวยงามด้วยธรรมชาติแบบทะเลภูเขา มีอากาศบริสุทธิ์ สภาพภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี เนื่องจากร่องลมเย็นจากเทือกเขาหิมาลัยและอยู่บนที่สูง จึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล โดยช่วงเช้าจะมองเห็นกลุ่มเมฆ และทะเลหมอกตัดกับยอดเทือกเขาเพชรบูรณ์   

นอกจากนี้ ภูทับเบิก ยังเป็นสถานที่ที่สำคัญของจังหวัดเพชรบูรณ์ คือเป็นจุดรองรับน้ำฟ้ากลางหาว (เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2542) เพื่อนำไปรวมเป็นน้ำเพชรน้อมเกล้า ถวายเป็นน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2542

          ปัจจุบัน ภูทับเบิก เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ซึ่งได้อพยพมาอาศัยอยู่ที่บ้านทับเบิก หมู่ที่ 14 และหมู่ที่ 16 โดยอยู่ในความดูแลของศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยอาชีพทำการเกษตรแบบขั้นบันไดตามเชิงเขา ในช่วงปลายฝนต้นหนาว จะพบเห็นไร่กะหล่ำปลีอยู่สองข้างถนนสู่ทับเบิกสวยงาม ในราวเดือนธันวาคม-มกราคม จะมี ดอกซากุระ หรือนางพญาเสือโครง สีชมพูบานสะพรั่งไปทั้งภูเขา 

นอกจากนี้ ในยามค่ำคืนยังมองเห็นแสงไฟระยิบระยับจากบ้านเรือนในอำเภอหล่มสัก ที่อยู่เบื้องล่าง เปรียบได้กับ "ดาวบนดิน" จากสภาพดังกล่าว ทำให้ภูทับเบิกเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่นิยมสัมผัสบรรยากาศที่หนาวเย็น วิถีชีวิตชาวเขา และแหล่งธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ภายใต้คำกล่าวที่ว่า "นอนทับเบิก สัมผัสความหนาว ดูดาวบนดิน" โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวก บริเวณหมู่บ้านทับเบิกและจุดชมวิว มีบ้านพัก เต็นท์ และร้านอาหารเปิดบริการแก่นักท่องเที่ยว                  


การเดินทางสู่...ภูทับเบิก 
          จากเพชรบูรณ์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 21 ประมาณ 40 กิโลเมตร ถึงสี่แยกหล่มสัก ตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 203 อีก 13 กิโลเมตร พบป้ายบอกทางไปอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตามทางหลวง 2011 และทางหลวงหมายเลข 2331 อีก 40 กิโลเมตร ถึงด่านเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จากตรงนี้มีทางแยกขวาเข้าหมู่บ้านทับเบิกไปอีก 6 กิโลเมตร เส้นทางจากหล่มเก่ามาภูทับเบิกจะสูงชันและคดเคี้ยวมาก รถบัสไม่สามารถขึ้นได้ ผู้ที่ใช้รถยนต์หรือรถตู้ ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง 

          อีกเส้นทางหนึ่งใช้เส้นทางด้านอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ผ่านอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เลยที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มาประมาณ 24 กิโลเมตร จะถึงภูทับเบิก หากขับรถต่อไปจะมาบรรจบกับเส้นทางที่จะลงไปยังอำเภอหล่มเก่า



ขอบคุณข้อมูลจาก  http://travel.kapook.com/view3553.html

เกาะปันหยี พังงา




เกาะปันหยี เป็นเกาะที่มีธรรมชาติที่สวยงาม มีสภาพแวดล้อมที่ดีอยู่รอบๆ เกาะ ที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวประมง ชาวปันหยีมีอาชีพทำประมงน้ำตื้นเป็นหลัก ทั้งอวนลอย โป๊ะ เลี้ยงหอยแครง เลี้ยงปลาในกระชัง โดยในปัจจุบันชุมชนเกาะปันหยีได้รองรับนักท่องเที่ยว โดยการปรับปรุงที่อยู่อาศัยเดิมบางส่วนเป็นร้านอาหารและร้านจำหน่ายของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว

เกาะปันหยี ตั้งอยู่ในทะเลอ่าวพังงา และบริเวณป่าชายเลนอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา มีหมู่บ้านจำนวน 4 หมู่บ้าน คือ บ้านท่าด่าน เกาะปันหยี เกาะไม้ไผ่ และเกาะหมากน้อย ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และประมาณร้อยละ 2 นับถือศาสนาอื่น ๆ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง เป็นหลัก


วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

เชียงคาน จ.เลย

ความวุ่นวายต่างๆ ในสังคมเมืองทุกวันนี้มีมากมายเหลือเกิน เวลาเดินเร็วขึ้นทุกขณะ ยังไม่ทันทำอะไรก็หมดเวลาอีกแล้ว หมดเวลากับการเดินทาง การรอคิวซื้ออาหาร ฯลฯ แต่จะมีที่ไหนเล่า...ที่จะให้เราได้ใช้เวลาคุ้มค่ากับ 1 วัน ที่มี 24 ชั่วโมง ให้เราได้นั่งอ่านหนังสือเล่มโปรดอย่างเย็นใจ ให้เราได้สูดอากาศบริสุทธิ์อย่างเต็มปอด ให้เราได้ใช้ชีวิตกับตัวเองมากขึ้น ความพอดีคือสิ่งที่สวยงามที่สุด นี่คือเสน่ห์ของเมืองเชียงคาน เมืองเงียบๆ กับชีวิตง่ายๆ



สิ่งที่สะดวกที่สุดในการท่องเที่ยวระยะใกล้สำหรับเมืองเชียงคานนั้น คือการปั่นจักรยานหรือขี่มอเตอร์ไซด์ชมเมืองตามตรอกซอกซอย และบริเวณถนนริมชายโขงโดยรอบ ชมชุมชนบ้านไม้โบราณริมฝั่งโขง เป็นชุมชนบ้านไม้เก่าที่มีลักษณะเป็นห้องแถวเรือนไม้เรียงรายตลอดแนว อายุหลายร้อยปี เป็นประตูบานเฟี้ยมเปิดกว้าง เนื่องจากเป็นชุมชนค้าขายไทย-ลาว มาแต่โบราณ มีระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร บ้านบางหลังเคยเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีน โรงภาพยนตร์เก่า และยังมีบ้านที่สร้างด้วยไม้เฮี้ยขัดและโบกด้วยปูนขาวให้เห็นอยู่บ้างในปัจจุบัน บ้านบางหลังปรับปรุงตกแต่งเป็นที่พักโฮมสเตย์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟและร้านขายของที่ระลึก มาที่นี่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาตักบาตรข้าวเหนียวเป็นการทำบุญรับอรุณยามเช้า



เมืองแห่งนี้เป็นเมืองเล็กๆ ที่น่ารัก ผู้คนอัธยาศัยดี มีน้ำใจไมตรี ยิ้มแย้มแจ่มใส เวลาที่นี่รู้สึกว่าผ่านไปช้ามาก...เราสามารถทำอะไรได้หลายๆ อย่าง อย่างที่ชีวิตในเมืองหลวงทำไม่ได้ ได้กินเต็มที่ ได้นอนเต็มอิ่ม ได้พักผ่อนจุใจ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ได้รับมิตรจากคนแปลกหน้า ได้น้ำใจไมตรีจากเจ้าถิ่น และที่นี่อาจจะทำให้คุณได้แรงบันดาลใจอะไรสักอย่างก็ได้ ถ้าใครมีโอกาสได้มาเยือน ‘เมืองเชียงคาน' รับรองว่าต้องหลงเสน่ห์ความเรียบง่ายของที่นี่และอยากกลับมาอีกครั้งแน่นอน...



ขอบคุณข้อมูลจาก  http://travel.sanook.com/

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

ทะเลตรัง


ถ้ำมรกต สถานที่ได้ชื่อว่าเป็นถ้ำที่มีความงามเป็นอันดับ 2 ของโลก ตั้งอยู่ที่เกาะมุก ทางเข้ามีลักษณะเป็นโพรงเล็ก ๆ ระยะทางจากปากถ้ำเข้าไปประมาณ 80 เมตร นักท่องเที่ยวจะต้องใส่ชูชีพลอยคอเข้าไป ช่วงเวลาความประทับใจจึงเกิดขึ้นอย่างมากมาย ณ จุดนี้ เพราะทุกคนจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันถีบขาแบบจักรยานเข้าไปในถ้ำ จึงถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานอีกรูปแบบหนึ่ง เมื่อผ่านพ้นความมืดของถ้ำจะพบกับสระน้ำทะเลใสสีมรกต หาดทรายขาวสะอาด อันได้ชื่อเป็นจุดเก็บขุมทรัพย์ที่ปล้นมาได้ของโจรสลัดในสมัยอดีต


เกาะกระดานเป็นเกาะที่มีชายหาดสวยที่สุดของทะเลตรัง ด้วยเหตุนี้เองจึงถูกเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานวิวาห์ใต้สมุทรของจังหวัดตรัง หาดทรายที่นี่ขาวเนียนละเอียดเหมือนแป้งน้ำทะเลใสสีสวย ชายหาดด้านหน้าที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ฯ มีแนวปะการังน้ำตื้นที่ทอดตัวเป็นแนวยาว เช่น ปะการังสมอง ปะการังเขากวาง ปะการังอ่อนหนามแดงและปลากหลากชนิด และที่หน้าหาดยังเป็นที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมาก สามารถมองเห็นเกาะมุก เกาะแหวน เกาะเชือก เกาะม้า เรียงไปจนถึงเกาะไห จากหาดนี้มีเส้นทางเดินเท้าไปชมยังหาดอื่นๆ ของเกาะได้ เช่น หาดอ่าวช่องลมอยู่ห่างจากที่ทำการหน่วยฯ ประมาณ 800 เมตร อยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะแม้หาดนี้จะดูไม่เด่นนักแต่ก็เป็นจุดที่ดูพระอาทิตย์ตกที่สามารถมองเห็นเกาะรอกได้ชัดเจน ลักษณะหาดเป็นหาดเล็กๆทรายเม็ดละเอียด แต่มีโขดหินสีน้ำตาลเกลื่อนกลาดเต็มหาด เป็นภูมทัศน์ที่ดูแปลกตา นอกจากนี้ยังมีหาดอ่าวเนียงอยู่ทางทิศใต้ของที่ทำการหน่วยฯ เป็นหาดทรายขาวยาวประมาณ 800 เมตร ด้านหน้าหาดเป็นแนวปะการังน้ำตื้น ซึ่งเป็นจุดดำน้ำอีกแห่งหนึ่งของเกาะกระดาน

เกาะเชือก เป็นจุดดำน้ำตื้นที่นักท่องเที่ยวมักให้สมญานามว่า คลื่นแรงจนต้องเกาะเชือกเหมือนชื่อของเกาะจริง ๆ สำหรับเกาะเชือกเป็นเกาะเล็ก ๆ 2 เกาะอยู่ติดกัน ระหว่างเกาะมีกระแสน้ำไหลเชี่ยว การดำน้ำดูปะการังจึงต้องใช้เชือกช่วยพยุงตัว จึงได้ชื่อว่า เกาะเชือก เป็นจุดดำน้ำตื้นที่ขึ้นชื่อที่สุดของตรัง เพราะมีแนวปะการังอ่อนหลากสี ซึ่งปะการังเหล่านี้ โดยมากจะพบในระดับน้ำลึกที่ต้องดำน้ำแบบ Scuba แต่ที่เกาะเชือกสามารถพบเห็นปะการังอ่อนหลากสีได้ ด้วยการดำน้ำตื้นแบบ Skin-diving นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งฝูงปลานานาชนิด

เกาะม้า เป็นเกาะที่อยู่ในเขตจังหวัดกระบี่ แต่ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับเกาะเชือกและเกาะแหวน จึงจัดเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเดียวกัน ลักษณะเป็นโขดหินมีรูปทรงคล้ายม้า จึงเรียกว่า เกาะม้า เป็นแหล่งดูปะการังน้ำตื้น ดอกไม้ทะเล ปะการังเขากวาง ปะการังอ่อน 7 สี จึงได้ขึ้นชื่อว่า หากต้องการชมปะการังอ่อนต้องมาที่เกาะม้า และกระแสน้ำไม่แรงเหมือนเกาะเชือก ปะการังที่เกาะม้าส่วนใหญ่แป็นปะการังอ่อน ที่เกาะอยู่ตามพื้น มีกอดอกไม้ทะเลเกาะอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงฝูงปลาการ์ตูนนีโม



ขอบคุณข้อมูลจาก http://travel.kapook.com/view26561.html

ดอยตุง พระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง




ดอยตุงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเด่นของเชียงราย อยู่เหนือจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 45 กิโลเมตร  ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ลักษณะเป็นเทือกเขาสูงทอดตัวยาวอยู่ทางด้านซ้ายของเส้นทางที่มุ่งไปอำเภอแม่สาย แต่เดิมเป็นเทือกเขาหัวโล้นที่ถูกชาวเขาตัดทำลายเพื่อใช้พื้นที่ทำการเกษตร  จนกระทั่งสมเด็จย่าได้เสด็จมายังดอยตุงและทรงมีพระราชดำรัสว่า ฉันจะปลูกป่าดอยตุง  หลังจากนั้นในปี 2530  รัฐบาลจึงได้เริ่มจัดทำโครงการพัฒนาดอยตุงขึ้นโดยปลูกป่าคืนความสมบูรณ์กลับคืนสู่ธรรมชาติ ได้ดึงชาวเขาเข้ามาทำงานในโครงการปลูกป่าดอยตุง  แต่ก่อนนั้นเส้นทางขึ้นดอยตุงเป็นเส้นทางลอยฟ้า คือเมื่อนั่งรถบนถนนดอยตุงแล้วมองลงมาก็จะเห็นวิวโล่งๆ ไม่มีต้นไม้มาบดบังทัศนียภาพ แต่ในปัจจุบันนี้ดอยตุงกลับคืนสภาพเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่งเมื่อนั่งรถไปตามเส้นทางขึ้นดอยตุงจะเห็นแต่ต้นไม้แน่นขนัดนั่นล้วนเป็นป่าปลูกทั้งสิ้น  หลังจากโครงการปลูกป่าแล้วเสร็จจึงได้มีการสร้างพระตำหนักดอยตุง และมีโครงการอีกหลายๆ โครงการตามมาเพื่อสร้างอาชีพให้กับคนในท้องถิ่น 


ไร่แม่ฟ้าหลวง  หรือสวนดอยตุง  เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวบนพื้นที่ 25 ไร่ อยู่ในแอ่งที่ราบด้านทิศเหนือของพระตำหนัก  สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2534 ภายในสวนถูกตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกดอกตลอดปี  กลางสวนมีประติมากรรมเด็กยืนต่อตัว งานประติมากรรมนี้ได้รับพระราชทานชื่อว่า " ความต่อเนื่อง "  นอกจากแปลงไม้ประทับกลางแจ้งแล้วยังมีโรงเรือนไม้ในร่ม จุดเด่นคือกล้วยไม้จำพวกรองเท้านารีชนิดต่างๆ ที่มีดอกสวยงามมาก  ความภาพความสวยงามของสวนแม่ฟ้าหลวง 


พระตำหนักดอยตุง

เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จย่า ปลูกแบบง่ายๆ ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์  พระตำหนักสร้างด้วยไม้ทั้งหลังโดยมีโครงเหล็กอยู่ภายใน ไม้ในการสร้างเป็นไม้ลังใส่สินค้าที่การท่าเรือฯ คลองเตย ทูลเกล้าถวายแด่สมเด็จย่า  เมื่อสร้างออกมาแล้วสวยงามยิ่งนัก รูปแบบการสร้างเป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมล้านนากับบ้านพื้นเมืองสวิตเซอร์แลนด์  ที่เพดานห้องโถงทำเป็นเพดานดาว  บริเวณด้านหลังพระตำหนักมีระเบียงยืนออกไป เมื่อยืนที่ระเบียงจะเห็นทัศนียภาพของดอยตุงที่สวยงาม บริเวณขอบระเบียงมีกระบะปลูกไม้ดอกที่มีสีสันสวยงาม  พระตำหนักเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม  โดยจะต้องมีมัคคุเทศก์ของพระตำหนักเป็นผู้นำเยี่ยมชม



ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.tourdoi.com/doi/doitung/general.htm

เกาะล้าน พัทยา






ถือเป็นหาดสวรรค์ของคนกรุงเพราะเกาะล้านอยู่ใกล้ๆ กรุงเทพฯ เกาะล้านเป็นเกาะอยู่ใกล้ๆ พัทยา จากท่าเรือพัทยาใช้เวลาในการเดินทางไปยังเกาะล้านเพียงครึ่งชั่วโมง ที่เกาะล้านมีชายหาดสวยๆ หลายหาด

ฤดูเที่ยวเกาะล้าน

ช่วงที่หน้าเที่ยวที่สุดของเกาะล้านก็จะอยู่ในช่วง เดือนตุลาคม-เมษายน ช่วงนี้จะไม่มีมรสุมคลื่นลมในทะเลก็สงบอากาศก็ร้อนกำลังดีเหมาะแก่การเล่นน้ำทะเลยิ่งนัก ส่วนในช่วงเดือนพฤษภาคม – กันยายน ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มรสุม คลื่นลมค่อนข้างแรงหากจะไปเที่ยวก็ควรเช็คสภาพอากาศก่อนนะครับ

การเดินทางไปเกาะล้าน

วิธีเดินทางไปเที่ยวเกาะล้านง่ายๆ สามารถเดินทางมาขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัย จะมีคิวรถตู้ที่คอยให้บริการรับส่งคนไปพัทยาเพื่อต่อเรือไปยังเกาะล้านที่ท่าเรือพัทยา หรือชื่อเต็มว่าท่าเรือแหลมบาลีฮาย ตั้งอยู่ที่พัทยาใต้ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี รถตู้จะพาท่านไปส่งถึงท่าเรือพัทยาเลย ที่คิวรถตู้จะมีรถตู้ออกตลอดทุกๆ ครึ่งชั่วโมงและมีหลายบริษัทให้ท่านได้เลือกใช้บริการ ราคาก็แตกต่างกันไป แต่ราคาก็ห่างกันไม่มาก มีตั้งแต่ 97 บาท 100 บาท 150 บาท แล้วแต่ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวว่าอยากใช้บริการคิวไหน ซึ่งการเดินทางไปยังพัทยาเพือต่อเรือไปเที่ยวเกาะล้านใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง

น้ำตกเจ็ดสี บึงกาฬ





น้ำตกเจ็ดสี เดิมเรียกว่า น้ำตกห้วยกะอาม ซึ่งเกิดจากธารน้ำของห้วยกะอาม เป็นน้ำตกจากหน้าผาสูงแล้วเกิด เป็นละอองไอน้ำกระทบกับแสงแดดยามบ่ายทำให้เกิดสีต่างๆ ขึ้น จึงเรียกน้ำตกเจ็ดสี มีทั้งหมด 3 ชั้น ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านดอนเสียด หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านต้อง อำเภอเซกา การเดินทางใช้เส้นทางสาย อำเภอเซกา-บ้านดงบัง ประมาณ 40 กม. และห่างจากตัวจังหวัด 264 กม.
การเดินทางไปน้ำตกเจ็ดสี เดินทางจากบ.ชัยพร-ทุ่งทรายจก-ดอนเสียด ระยะทาง 22 กม. และแยกซ้ายไปน้ำตกเจ็ดสีอีกประมาณ 6 กม.

ขอบคุณข้อมูลจาก http://travel.sanook.com/

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

สโตนเฮนจ์เมืองไทย "มอหินขาว"






ยามที่ได้นั่งมองลงมาจากยอดเขาสูงจากมอหินขาว พื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา จังหวัดชัยภูมิ เราจะได้เห็นไร่นาและสวนเกษตรทอดตัวอยู่เป็นบริเวณกว้าง พื้นที่ เกษตรเหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นชุมชนดั้งเดิมของที่นี่ก่อนที่จะได้รับการประกาศให้เป็นเขตอุทธยานแห่งชาติ ซึ่งทุกวันนี้หากใครต้องการลิ้มลองผลผลิตจากไร่จากสวนแห่งนี้ก็ สามารถแวะเข้าไปชมเข้าไปซื้อหาติดไม้ติดมือกลับบ้านได้ 

     การได้สัมผัสวิถีชุมชนนั้นเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้การมาเที่ยวที่มอหินขาวนั้นได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น แต่ทว่าบรรดาหินก้อนมหึมาที่ชวนให้คนที่ได้พบเห็นรู้สึกอัศจรรย์ใจนี่ต่าง หากคือพระเอกของการเดินทางครั้งนี้ สำหรับหมู่หินที่มอหินขาวนั้นไม่มีใครรู้ว่าที่มาที่ไปของที่นี่เกิดขึ้นได้อย่างไร ก่อนหน้าที่หมู่หินจะได้รับความสนใจ ชาวบ้านก็เพียงแต่รู้แค่ ว่ามันเป็นเพียงก้อนหินประหลาดที่ตั้งกระจายอยู่ในพื้นที่มานานนม โดยแทรกขึ้นอยู่ตามไร่ตามสวนของชาวบ้านโดยทั่วไป กระทั่งวันหนึ่งมีคนขับรถขึ้นมาดู ทำให้ชาวบ้านรู้สึก แปลกใจและเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คิดว่า หมู่หินเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งดึงดูดคนที่สนใจได้ 

     กระทั่งปัจจุบัน มอหินขาว ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจเพราะความอัศจรรย์ของเหล่าหมู่หินที่ชวนให้คิดไม่รู้จบ โดยจุดหลักจะอยู่ที่เสาหินขนาดยักษ์ความสูง ประมาณ 10 เมตร จำนวน 5 ต้น ที่ยืนตัวเรียงกันเกือบจะเป็นวงกลม สำหรับคนท้องถิ่นจะมีความเชื่อเกี่ยวกับหินทั้งห้านี้ว่าหากใครได้มาสัมผัสจะทำให้ความมุ่งหวังปรารถนาได้ รับความสำเร็จ ก้อนหินเหล่านี้คือตัวแทนของเกียรติยศ ชัยชนะ ความสำเร็จ 

     นอกจากนั้นในบริเวณไม่ใกล้ไม่ไกลก็จะมีหมู่หินขึ้นกระจัดกระจาย อยู่เป็นกลุ่มๆ ให้ใครต่อใครได้จินตนาการไปตามความคิดส่วนตัว ถัดขึ้นไปบนภูสูงจะมีหินคลองช้างที่มีพื้นผิว แปลกตา หรือหมู่หินที่เรียกว่าลานหินต้นไทรที่ท่ามกลางหมู่หินจะแทรกด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ชวนให้รู้สึกอัศจรรย์ หลังจากชมหมู่หินประหลาดอายุนับล้านปีแล้ว การได้นั่งพักบนภู สูงของมอหินขาวก็ทำให้เราได้ซาบซึ้งกับความงดงามของธรรมชาติโดยรอบจนเกินจะบรรยาย 


ขอบคุณข้อมูลจาก  http://travel.thaiza.com/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7+%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/221037/

ณ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม


<< ป่าหินงาม >> "ป่าหินงาม" หรือ   (ลานหินงาม)    อยู่ทางทิศตะวันตกของที่ทำการอุทยานฯ ทั่วบริวเวณเรียงรายไปด้วยหินก้อนน้อย ใหญ่ รูปร่างแปลก ๆ มากมายในพื้นที่กว่า 10 ไร่ เป็นลานหินซึ่งเกิดจากการกัดเซาะดิน  และเนื้อหินทรายมานานนับลานปี   วาง เรียงรายสลับซับซ้อน  อยู่เต็มลานบ้างก็มีรูปร่างเหมือนกับถ้วยฟุตบอลโลก  บ้างก็เหมือนกบเรด้า  และรูปต่าง ๆ แล้วแต่จะ จินตนาการ  แต่เมื่อดูแล้วชวนให้เกิดความเพลิดเพลินใจเป็นยิ่งนัก... 

<< ทุ่งดอกกระเจียว >> 
"ทุ่งดอกกระเจียว"  เกิดจากดอกกระเจียวป่า หลากหลายสายพันธุ์  ที่พร้อมใจกันขึ้นรายรอบบริเวณ ของอุทยานฯและจะมีอยู่บริเวณหนึ่งใช้พื้นที่หลายไร่     ที่จะมีดอกกระเจียวขึ้นอย่างหนาแน่นจนกลายเป็นทุ่ง    ซึ่ง เวลามองดูก็จะเห็นเป็นสีชมพูปนขาว   และมีสีเขียวของลำต้ันและก้านใบเป็นสีเขียวสด   ประกอบกับสีเขียว ของหญ้าทีขึ้นมาแซม ทำให้ทุ่งกระเจียว เขียวขจี สวยงามเหมือนกับทุ่งในทรวงสวรรค์เลย              โดยในช่วงฤดูฝน เริ่มต้นเดือนมิถุนายน     ถึง ปลายเดือนกรกฎาคม ของทุก ๆ ปี    ต้นกระเจียวจะออก ดอกสวยงามตระการตาไปทั่วผืนป่า  จัดได้ว่าเป็น   "นางเอกของอุทยานฯ"  ก็ว่าได้ ทั้งนี้เพราะดอกกระเจียว จะไม่มีให้เห็นเลยนอกเสียจากในช่วงเวลาที่ว่านี่เท่านั้น...



<< จุดชมวิวสุดแผ่นดิน >> 
             "สุดแผ่นดิน"  อยู่ทางด้านทิศเหนือของที่ทำการอุทยานฯ  เป็นแนวหน้าผาและชะง่อนหิน   เป็นจุดสูงสุดบนเทือกเขา พังเหย  สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ  846 เมตร  เกิดจากการดันตัวของแผ่นดินภาคกลาง  (ฉานไทย)  ซุกเข้าไปใต้แผ่นดิน อีสาน (อินโต - ไซน่า)  ทำให้เกิดแผ่นดินที่ยกตัวสูงชัน  เรียกว่า  "สุดแผ่นดิน"  คือเขตรอยต่อของ  3 ภาคอันได้แก่
             1.  แผ่นดินซีกทางอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.ชัยภูมิ  (ภาคอีสาน)
             2.  แผ่นดินซีกทางตะวันตกของอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.ลพบุรี  (ภาคกลาง)
             3.  แผ่นดินซีกทางเหนือของอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.เพชรบูรณ์  (ภาคเหนือ)ซึ่งมีความสวยงาม อากาศเย็นสบาย  และในตอนเช้า ๆ จะมีกลุ่มหมอกลอยผ่านหน้าเราไป  เหมือนกับหยอกเย้ากับผู้มาเยือนเลย




ขอบคุณข้อมูลจาก  http://www.kukrajeaw.com/


ผาหำหด อุทยานแห่งชาติไทรทอง จ.ชัยภูมิ







"ผาหำหด" เป็นชื่อจุดชมทิวทัศน์บนเทือกเขาพังเหย อยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติไทรทอง อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ  เป็นแผ่นหินยื่นออกไปนอกหน้าผา สูงจากระดับน้ำทะเล ๘๖๔ เมตร
         ด้วยความที่ผานี้มันสูงชันมาก เมื่อขึ้นไปแล้ว มองลงไปข้างล่างก็จะรู้สึกหวาดกลัวและหวาดเสียวจนเกิดอาการหำหดจริงๆ ชื่อนี้ผู้ว่าราชการจังหวัด (เจ้าเมือง) เป็น ผู้ตั้ง ถือว่ามีความสำคัญและได้อธิบายคำว่า ‘หำ’ เป็นคำในภาษาอีสาน ถือว่าไม่มีความหมายในเชิงหยาบคายแต่อย่างใด  คนอีสานที่เป็นคนเฒ่าคนแก่หรือผู้สูงอายุมักจะเรียกเด็กๆ ผู้ชายที่มีบุคลิกหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ”ว่าบักหำ”


ขอบคุณข้อมูลจาก  http://chaiyaphum.mots.go.th/index.php?lay=show&ac=article&Id=539170874&Ntype=2

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

น้ำตกแสงจันทร์

น้ำตกแสงจันทร์ 





ความพิเศษของน้ำตกแสงจันทร์คือธารน้ำที่โปรยละอองผ่านช่องหินเป็นสายน้ำสีขาวนวล ยิ่งในคืนวันเพ็ญยามแสงจันทร์สาดกระทบสายน้ำตกจะดูเป็นประกายสีนวลสวยงามจับตา และเมื่อสายน้ำกระทบสู่พื้นล่างด้วยแล้ว น้ำยังกระจายตัวเป็นรูปหัวใจดูน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
การเดินทาง: ห่างจากน้ำตกทุ่งนาเมืองเพียง 2.7 กม.


ขอบคุณข้อมูลจาก  http://travel.sanook.com/


ตะวันขึ้นเหนือผาชนะได


ตะวันขึ้นเหนือผาชนะได 



     ผาชนะได ตั้งอยู่ในเขตป่าดงนาทาม คือจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นจุดแรกสุดในเมืองไทย เป็นชะง่อนผาที่ยื่นตระหง่านไปในฝั่งโขงในช่วงฤดูหนาว นอกจากจะได้ทักทายดวงตะวันสาดแสงเหนือสายน้ำโขงแล้ว ยังเป็นฤดูกาลบานสะพรั่งของเหล่าดอกไม้ป่าที่เบ่งบานอวดสีสันรับสายลมหนาว

การเดินทาง: จาก อ.โพธิ์ไทร มุ่งหน้าไป อ.โขงเจียม ใช้ทางหลวงหมายเลข 2112 ประมาณ 43 กม. จะถึงป่าดงนาทาม


ขอบคุณข้อมูลจาก http://travel.sanook.com/

แม่น้ำสองสี อำเภอโขงเจียม จ.อุบลราชธานี

แม่น้ำสองสี อำเภอโขงเจียม จ.อุบลราชธานี 




หรือดอนด่านปากแม่น้ำมูล อยู่ในเขตบ้านเวินบึก นั่งเรือจากตัวอำเภอโขงเจียมไปประมาณ 5 นาที เป็นบริเวณที่แม่น้ำมูลไหลลงสู่แม่น้ำโขงเกิดเป็นสีของแม่น้ำที่ต่างกันจึงเรียกกันอย่างคล้องจองว่า
 
โขงสีปูน มูลสีคราม 
 จุดที่สามารถมองเห็นแม่น้ำสองสีได้อย่างชัดเจน คือ บริเวณลาดริมตลิ่งหน้าวัดโขงเจียม และบริเวณบางส่วนของหมู่บ้านห้วยหมาก ในเดือนเมษายนจะเป็นเดือนที่เห็นความแตกต่างของสีน้ำได้ชัดเจนที่สุด


ขอบคุณข้อมูลจาก  http://travel.sanook.com/

มหัศจรรย์เมืองหินแห่งสามพันโบก


มหัศจรรย์ สามพันโบก แกรนด์แคนยอนเมืองไทย






หนึ่งในสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวของอุบลราชธานีที่วันนี้ทุกคนต้องมาเยือน โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนมิถุนายนของทุกปี หลังสายน้ำในแม่น้ำโขงลดลงจนเผยให้เห็นเกาะแก่งหินที่ถูกกระแสน้ำขัดเกลาจนเกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติกินอาณาบริเวณกว้างไกลสุดตายตา ราวกับเมืองแห่งความลับใต้บาดาลดูสวยงามยามต้องแสงสีทองของดวงตะวันไม่ว่าจะเป็นยามเช้าหรือเย็นย่ำ ล้วนตรึงทุกสายตาให้จดจ่อและดื่มด่ำกับภาพนั้นยาวนานที่สุด คงไม่ผิดนักหากเปรียบที่นี่ดัง "แกรนด์แคนยอนเมืองไทย" ด้วย "โบก"อันเกิดจากกระแสน้ำโขงได้กัดเซาะหินทรายจนกลายเป็นหลุมเป็นแอ่งมากมายหลายขนาด กลายเป็นผลงานสร้างสรรค์จากธรรมชาติอันไพศาลชื่อว่า "สามพันโบก" ซึ่งจะพาทุกจินตนาการหลุดลอยไปกับสายน้ำ
การเดินทาง:   อ.โพธิ์ไทร อยู่ห่างจากบ้านลาดเจริญประมาณ 30 กม.

ขอบคุณข้อมูลจาก http://hilight.kapook.com/view/35370

แนะนำตัวค่ะ

ชื่อ เด็กหญิงณัฐญากร  มัดถาปะโท
ชั้น ม.2/1 เลขที่ 16
กำลังศึกษาอยู่ที่ โรงเรียนวาปีปทุม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม
เกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2541
อายุ 14 ปี